20/20: นิมิตของพระเจ้าสำหรับชีวิตของข้าพเจ้าตัวอย่าง

การร่วมงานกับพระเจ้า

โดย แมรี่โจเพียร์ซ

เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า เราได้เห็นน้ำตาของเจ้า ดูเถิดเราจะรักษาเจ้า 2 พงศ์กษัตริย์ 20: 5

นั่งข้างหีบศพของแม่ข้าพเข้าอธิษฐาน และร่ำไห้ เพื่อความสบายใจ แม่ได้ป่วยมาก ข้าพเจ้าอธิษฐาน…ทูลขออย่างจริงจัง แต่ร่างกายของท่านก็ต้องจำนนต่อโรคดังกล่าว

ข้าพเจ้าเป็นคริสเตียนใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับพระวจนะของพระเจ้า และข้าพเจ้าก็หมดหวังที่จะได้รับคำตอบ ข้าพเจ้าต้องเข้าใจพระวจนะพระเจ้าในเรื่องของการอธิษฐาน กับการรักษา หลักการเพียงไม่กี่อย่างที่ข้าพเจ้าได้พบนั้นก่อให้เกิดการกล่าวโทษมากกว่าความเข้าใจ การรักษาตกอยู่ในความรับผิดชอบของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าอธิษฐานด้วยความเชื่อมากเพียงพอหรือไม่? นานพอมั้ย? ทุ่มเทมากพอหรือไม่? เยี่ยมมากพอไหม

การเดินทางแห่งการอธิษฐานนี้ทำให้ข้าพเจ้าต้องคุกเข่าลง และเข้าถึงพระวจนะของพระเจ้า โดยทางพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ปลอบโยน และเป็นครูสอน ข้าพเจ้าจึงตระหนักว่า พระเจ้า เป็นผู้รักษา คำอธิษฐานเป็นเพียงการทำหน้าที่เป็น พาหนะ ในการปลดปล่อยฤทธิ์เดชแห่งการช่วยให้รอดของพระวจนะพระองค์ในการรักษาอื่น ๆ ด้วย ไม่ว่าจะฝ่ายร่างกาย อารมณ์ หรือจิตใจ

ข้าพเจ้าต้องเรียนรู้จักคำว่า โลโกส (logos) และ รีม่า (rhema) ทำงานร่วมกันอย่างไร โลโกส (logos) เป็นพระวจนะของพระเจ้าซึ่งเป็นลายลักษณ์อักษร--ภาพรวมของพระคัมภีร์ที่มีชีวิต และทรงฤทธิ์ และคมกว่าดาบสองคมใด ๆ (ฮีบรู 4:12) รีม่า(Rhema) หมายถึงพระสัญญาเดียว หรือพระสัญญาที่พระวิญญาณบริสุทธิ์อาจนำมาสู่ความคิดจากพระวจนะพระเจ้าที่เราใช้กับชีวิตของเราเป็นการส่วนตัว (เอเฟซัส 6:17)

เมื่อไม่นานมานี้เพื่อนรักคนหนึ่ง ป่วยหนักถึงแก่ชีวิตนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล จากภาวะหัวใจพิการมาแต่กำเนิด ทำให้เขามีทางเลือกเดียว นั่นคือการผ่าตัดหัวใจแบบทดลอง แพทย์ต่างก็มีความหวังน้อยนิด เพื่อนข้าพเจ้าได้อธิษฐานขอการอัศจรรย์ เป็นอีกครั้งที่ผลักดันให้ข้าพเจ้าต้องคุกเข่าลง และมุ่ง
สู่พระวจนะของพระเจ้า ข้าพเจ้าเริ่มถามพระบิดาว่า พระองค์ต้องการให้ข้าพเจ้าอธิษฐานทูลอ้อนวอนอย่างไร พระเจ้าทรงนำฉันไปยัง ​​2 พงศ์กษัตริย์ 20 ซึ่งเล่าเรื่องกษัตริย์เฮเซคียาห์ป่วยหนัก และผู้เผยพระวจนะอิสยาห์ มาบอกพระองค์ว่ากำลังจะสิ้นพระชนม์ในไม่ช้า เฮเซคียาห์ตอบสนองด้วยการร้องทูลพระเจ้า ขอมีชีวิตอยู่ต่อไป และอิสยาห์กลับมาพร้อมกับพระวจนะพระเจ้าตรัสว่า “เราได้ยินคำอธิษฐานของเจ้า เราได้เห็นน้ำตาของเจ้าแล้ว ดูเถิดเราจะรักษาเจ้า” (2 พกษ 20: 1–6)

ขณะที่ข้าพเจ้าอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการตอบสนองของพระเจ้าต่อเสียงร่ำไห้ของเฮเซคียาห์ ก็รู้สึกได้ทันทีว่า มีของประทานแห่งความเชื่อในการอธิษฐานทูลขอเผื่อเพื่อนของข้าพเจ้า นอกจากนั้น ข้าพเจ้ายังรู้สึกได้ว่า พระเจ้าทรงมอบให้ข้าพเจ้าอธิษฐาน และส่งข่าวสารไปให้เพื่อนด้วย พระเจ้าสั่งให้ข้าพเจ้าปลุกเร้าตนเองด้วยคำอธิษฐาน วันรุ่งขึ้น ข้าพเจ้าจึงขึ้นเครื่องบินไปวอชิงตัน ดี.ซี. และตรงไปที่ห้องในโรงพยาบาลที่เขาพักรักษาตัวอยู่ ข้าพเจ้าได้อ่านพระคัมภีร์ กับเขา ข้าพเจ้าเสริมความเชื่อเข้ากับความเชื่อของเขา แล้วเราก็พร้อมใจกันทูลขออธิษฐานด้วยกัน วันรุ่งขึ้นการผ่าตัดของเขาเกิดขึ้น ทุกวันนี้เพื่อนของข้าพเจ้ายังคงรับใช้พระเจ้า ทั้งเป็นพยานถึงฤทธิ์เดชของคำอธิษฐานรับการรักษาที่อัศจรรย์! นั่นคือ รีม่า(rhema) และ โลโกส(logos) ซึ่งทำงานร่วมกัน ปลดปล่อยฤทธิ์เดชแห่งการรักษาของพระเจ้า

สิบสองปีต่อมา ข้าพเจ้าต้องเผชิญกับการมอบหมายให้อธิษฐานอีกครั้งที่น่าวิตกกังวล เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่ยากแก่การรักษา ในการวินิจฉัยของแพทย์ที่สพึงกลัว และการรักษาที่ยากลำบาก อีกครั้งหนึ่งข้าพเจ้าถูกผลักดันให้คุกเข่าลง และมุ่งสู่พระวจนะของพระเจ้า อีกครั้งหนึ่งที่สนใจเรื่องราวของเฮเซคียาห์ แต่คราวนี้ แทนการมุ่งเน้นที่ความเชื่อ ข้าพเจ้าทูลถามพระเจ้าว่านี่เป็นคำ เรมา(rhema) หรือไม่ และขอทรงยืนยันด้วย แล้วพระองค์ก็ทรงยืนยัน! ไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่เป็นสามครั้ง ... ผ่านพระวจนะพระองค์ ผ่านผู้คน ทั้งผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ พระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าชัดเจน และข้าพเจ้าได้รับของประทานแห่งความเชื่อทันทีที่ทูลขอการรักษาอย่างอัศจรรย์ ทุกวันนี้เพื่อนของข้าพเจ้ายังคงรับใช้พระเจ้า และเป็นพยานถึงฤทธิ์เดชการอัศจรรย์ในการรักษาของพระเจ้า

ข้าพจ้าได้เรียนรู้ที่จะไม่คิดว่าคำพยากรณ์ หรือถ้อยคำเดียวเป็นคำสัญญา แต่ขอให้พระเจ้ายืนยันในสิ่งที่พระองค์กำลังพูด ข้าพเจ้าได้เรียนรู้ที่จะใช้ลูกดิ่งเพื่อการยืนยัน--พระคัมภีร์ที่สอดคล้องกับพระวจนะพระเจ้า สติปัญญา และวิถีทางของพระองค์หรือไม่? ขึ้นอยู่กับพระลักษณะ ของพระองค์ คำแนะนำของพระเจ้า และสันติสุขภายในข้าพเจ้าหรือไม่? เมื่อค้นหาคำตอบของคำถามเหล่านี้ได้แล้ว ข้าพเจ้าก็สามารถร่วมมือกับ พระประสงค์พระเจ้า ในการร้องขออย่างตั้งใจ ด้วยกลยุทธ์ และจดจ่อในการอธิษฐานทูลขอ

ความสมดุลในพระวจนะของพระเจ้าเป็นงาน และการอธิษฐานจนถึงขนาดความไพบูลย์นั้นเป็นงานหนัก แต่ผลตอบแทนนั้นคงอยู่ชั่วนิรันดร์ พระคัมภีร์ได้อธิบายไว้ดียิ่งกว่า ในจดหมายที่เขียนถึงคริสตจักรในเมืองเอเฟซัส เปาโลเขียนว่า:

“เพราะเหตุนี้จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น และเมื่อทำทุกอย่างแล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้ เพราะฉะนั้นจงยืนหยัดไว้ เอาความจริงคาดเอว เอาความชอบธรรมเป็นเกราะป้องกันอก และเอาความพรั่งพร้อมในการประกาศข่าวประเสริฐแห่งสันติสุขมาสวมเป็นรองเท้า และพร้อมกับสิ่งทั้งหมดนี้ จงเอาความเชื่อเป็นโล่ ด้วยโล่นี้พวกท่านจะสามารถดับลูกศรเพลิงทั้งหมดของมารร้าย จงเอาความรอดเป็นหมวกเหล็กป้องกันศีรษะ และจงถือพระแสงของพระวิญญาณคือ พระวจนะพระเจ้า จงอธิษฐานในพระวิญญาณทุกเวลาโดยการอธิษฐาน และการวิงวอนทุกๆ อย่าง เพราะเหตุนี้ จงเฝ้าระวังด้วยความเพียร และด้วยการวิงวอนเผื่อธรรมิกชนทุกคนอยู่เสมอ”
(เอเฟซัส 6: 13–18)

วันนี้เป็นชั่วโมงที่ดีที่สุดในการอธิษฐาน เวลาที่ดีที่สุดของคุณในการร่วมงานกับพระเจ้าเพื่อปลดล่ปอย ฤทธิ์เดชในการรักษา ของพระองค์จงคุกเข่าของคุณ และมุ่งสู่พระวจนะของพระเจ้าหาถ้อยคำ รีม่า(rhema) สำหรับคุณแล้วกด! รางวัลนั้นเป็นนิตย์นิรันดร์!

พระเจ้าไม่ได้ทรงบอกให้เราละทิ้งภูมิปัญญา หรือสามัญสำนึก พระองค์กำลังบอกเราว่า อย่าพึ่งความรอบรู้ของมนุษย์เองว่า จะทำอย่างไร “จง
รับการเปิดเผยจากเรา” พระองค์ตรัส
~ Dutch Sheets

ข้อควรจำ

แน่ทีเดียวท่านแบกความเจ็บไข้ของพวกเรา และหอบความเจ็บปวดของเราไป กระนั้นพวกเรายังคิดว่าที่ท่านถูกตี คือถูกพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ แต่ท่านถูกแทงเพราะความทรยศของเรา ท่านบอบช้ำเพราะความบาปผิดของเรา การตีสอนที่ตกบนท่านนั้นทำให้พวกเรามีสวัสดิภาพ และที่ท่านถูกเฆี่ยนตีก็ทำให้เราได้รับการรักษา อิสยาห์ 53: 4–5